ยาสิวลีขี่แพะ

┏━━━━━━━┓
ยาสิวลีขี่แพะ
┗━━━━━━━┛
"พระสีวลีขี่แพะ เทพแห่งโชคลาภ"
.
แพะโพธิ์สัตว์ ตามตำนานไทยใหญ่
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ชาวไทยใหญ่นับถือมาก
หนึ่งในวัตถุมงคลของท่านอาจารย์แขก
คือ สีวลีขี่แพะ ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็น
อาจารย์ฆราวาส “คนแรก”
ที่สร้างวัตถุมงคลออกมาในรูปลักษณ์แบบนี้
ซึ่งการสร้างเป็นไปอย่างถูกต้อง
ตามตำราทุกประการ
.
ส่วนพระอาจารย์ที่ “ปลุกเสก” คือ
ครูบายี่สา จ้าวตำรับวิชาสิวลีขี่แพะ
แห่งเมืองเชียงตุง นั่นเอง
.
พระสีวลีท่านเป็น “เทพ” แห่งโชคลาภ
เป็นพระอรหันต์ ที่เป็นเอตทัคคะในเรื่องลาภ
ขนาดพระพุทธเจ้ายังยกย่องสรรเสริญเลย
ซึ่งก่อนหน้านั้นหากเป็นเรื่องของโชคลาภ
อะไรๆ ก็จะต้องสีวลี ส่วนแพะในวิชาไทใหญ่
ออกเสียงว่า “แป้” แต่แปลว่า “ชนะ”
เพราะฉะนั้นสัญลักษณ์ของแพะ
จึงเหมือนกับชัยชนะ
เมื่อมาอยู่กับสีวลีจึงกลายเป็นโชคลาภ
แห่งชัยชนะที่ไม่แพ้
.
คนไทยใหญ่หากไม่มีความมั่นใจเขาจะไม่สร้าง
สีวลีขี่แพะ คือ โชคลาภแห่งชัยชนะ
ซึ่งเป็นวิชาราชครูของจ้าว คือ
อาจารย์ของจ้าวเมือง ซึ่งคนจะพกสีวลีขี่แพะนั้น
ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นนายอากร
ซึ่งเก็บค่าบ่อน ค่าเบี้ย
และคนที่ทำการค้าระหว่างเมือง
เป็นวิชาที่ถูกซ่อนให้พวกราชครูใช้เท่านั้น
ดังนั้นจึงไม่ค่อยเผยแพร่
เราจะเห็นเป็นตัวเป้งที่ทำออกมาเป็นโน้นนี่
แต่เขาก็ถือเป็นชัยชนะ คือ แป้ เหมือนกัน
วัตถุมงคลในรูปแบของ “สีวลีขี่แพะ”
ยังไม่เคยปรากฏมาก่อน
เพราะสมัยก่อนตามตำราที่จะสีวลีขี่แพะได้นั้น
หนึ่งเลยคือเนื้อโลหะสูงสุด
เขาจะบอกถึงวิธีการผสม
ต้องใส่อะไรลงไปบ้าง แต่ท่านอาจารย์แขก
จะไม่เปิดเผยในเวลานี้
จึงถือว่าเนื้อโลหะเป็นลำดับที่ 1
ส่วนลำดับที่ 2 รองลงมา คือ
เขาควายฟ้าผ่า ซึ่งเคยทำเป็นตัวแพะมาแล้ว
ส่วนลำดับที่ 3 คือ งาช้าง เขาจะเอาของ 3 อย่าง
คือ โลหะ เขาควาย งาช้าง
มาทำเป็นสีวลีขี่แพะ ที่ถือว่า “โลหะ”
มีพุทธคุณแรงที่สุด
.
เนื่องจากโลหะต้องมีส่วนผสมของความชนะ
เช่น ตาชั่ง เนื้อทองแดง ปัจจุบันในพม่า
ยังมีใช้กันอยู่ คือ ตัวเป้ง เป็นสำริด
ชื่อมันเป็นสำริด คือ เสร็จสมบูรณ์
และถูกนำไปทำตัวเป้ง นักษัตร
ในนั้นจะมีทั้งสิงห์ นก ไก่ แพะ ครบเรียบร้อย
ถือเป็นมวลสารหลัก
จากนั้นเป็นโลหะประเภทอื่นอีก 10 กว่าชนิด
แล้วนำไปหลอม สร้างตามตำราทุกขั้นตอน
.
ท่านอาจารย์แขกได้กล่าวว่า
คงจะไม่ทำสีวลีขี่แพะ “เนื้อโลหะ”
ออกมาอีกแล้ว และจะทำเฉพาะรุ่น
ที่กำลังเปิดให้บูชานี้เท่านั้น
จึงกล่าวได้ว่าวัตถุมงคล “สีวลีขี่แพะ”
เป็นวัตถุมงคล “รุ่นแรก”
และ “รุ่นสุดท้าย”
ของท่านอาจารย์แขก..
.
.